วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๑๒ ฟ้าหลังฝน


ตอนที่ ๑๒
ฟ้าหลังฝน


ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ  เช่นเดียวกับชีวิตของจอมทัพ  หลังจากที่เขาค้นพบและตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาต้องการแล้วทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น  เขาได้รับการยอมรับ ยกย่องให้เป็นผู้นำ โดยใช้ความสามารถ ความจริงใจ เป็นตัวตัดสินเขา เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงาน ได้แบ่งปัน ความรู้  ความคิด  และสิ่งของต่างๆให้กับทุกคน  เขาไม่หวังสิ่งใดมาตอบแทน กิจกรรมต่างๆที่เขาคิดและทำขึ้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  และเป็นที่รู้จักทั่วไปในสังคมจากปากต่อปากในกระแสสังคมออนไลน์ จอมทัพและลลิณทำงานและต้อนรับทั้งนักท่องเที่ยวและคณะศึกษาดูงาน และเดินทางเป็นวิทยากรให้ความรู้กับหน่วยงานต่างๆมากมาย จนพวกเขาแทบจะไม่มีเวลาพัก แต่พวกเขาก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงาน ทั้งสองยกเอาแนวพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช  รัชกาลที่ ๙ มายึดเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ถึงแม้ว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งสองคนยังรักและเทิดทูนพระองค์และตอบแทนบุญคุณของพระองค์ท่านโดยการนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประกอบอาชีพและขยายผลให้กับผู้คนในชุมชนซึ่งก็เริ่มได้ผล ชาวบ้านเริ่มหันมาทำการเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานตามอย่างทั้งสองคนมากขึ้นแทนการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว และใช้ปุ๋ยเคมี  บางคนเข้ามาเรียนรู้เรื่องการเพาะเห็ด บางคนมาเรียนรู้การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ  บางคนมาเรียนรู้เรื่องการปลูกและขยายพันธุ์พืชและการแปรรูปสมุนไพร บางคนมาเรียนรู้การทำยาสระผมและน้ำยาล้างจาน  บ้านและไร่ของทั้งคู่จึงกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ของคนในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง และบุคคลที่สนใจทั่วไป

จอมทัพและลลิณยึดหลัก “ ปลูกทุกอย่างเพื่อกิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือจึงขาย ” เหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมา และยังยึดหลักปฏิบัติอีกข้อหนึ่ง คือ  “  เมื่อเหลือกินแล้วต้องรู้จักแบ่งปัน และช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วย ”

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะชายหนุ่มทำงานจนลืมไปว่าเขามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว  เขามาที่นี่ตั้งแต่เด็กชายแบงค์เรียนชั้นประถมศึกษา  จนตอนนี้แบงค์โตเป็นหนุ่มแล้ว และก็เรียนใกล้จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว และกำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แบงค์จะตามเขาไปทุกที่เมื่อเวลาว่าง แบงค์จะยืนดูและซึมซับทุอย่างที่ชายหนุ่มบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้กับชาวบ้านและผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ฟัง  จอมทัพจะบอกทุกคนเสมอว่า
“ การมีสวน มีไร่ ก็เหมือนมีซุปเปอร์มาเก็ต  อยากกินผักเราก็ปลูกผัก อยากกินผลไม้ก็ปลูกผลไม้ อยากกินปลาเลี้ยงปลา  อยากกินไก่เลี้ยงไก่ เมื่อเหลือเราก็เอาไปขาย ออมเงินไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น ”  แบงค์ชื่นชมและศรัทธาในตัวของชายหนุ่มมาก  จึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อในสาขาการเกษตร เขาบอกกับจอมทัพและลลิณว่า
“ ขนาดคุณลิณและน้าจอม ที่เคยทำงานและใช้ชีวิตในเมือง ยังมาอยู่ที่บ้านนอก  แล้วเด็กบ้านนอกเช่นเขา จะเข้าไปใช้ชีวิตในเมืองทำไม  เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่ในเมืองไม่มี ”  แบงค์สอบเข้าเรียนได้เขาให้สัญญากับทุกคนว่าเขาจะนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาและต่อยอดกิจการของชาวบ้านให้ประชาชนมีความสุข ไม่ต้องหลั่งไหลเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่
ทุกครั้งที่จอมทัพเป็นวิทยากรให้ความรู้ เขามักจะปิดท้ายว่า
“ ชีวิตของคนเราไม่มีวันจบบริบูรณ์  ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ในแต่ละช่วงชีวิตของคนเรา อาจมีช่วงเวลาที่ประทับใจ  ทุกข์ สุข เศร้า  เสียใจ เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง  แต่เราไม่สามารถหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตรงนั้นได้
นาฬิกาเรือนหนึ่งอาจหยุดเดิน  แต่นาฬิกาเรือนอื่นๆยังคงเดินต่อไป ดวงอาทิตย์ไม่เคยหยุดส่องแสง  โลกฝั่งหนึ่งมืด อีกฝั่งหนึ่งก็จะสว่าง ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน  ”

จอมทัพนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเขาไม่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ  และกลับไปบริหารธุรกิจที่กรุงเทพอีกครั้ง ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร  และไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาจะติดอยู่บนถนนตรงจุดไหนสักแห่งในระหว่างการเดินทาง เขาคิดไม่ผิดเลยที่ยุติชีวิตทุกอย่างในเมืองหลวงและมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จังหวัดนี้

เมื่อวันเวลาเดินทางมาอย่างเหมาะสม และได้พิสูจน์คนๆหนึ่งแล้ว  วันที่เขารอคอยก็มาถึง
“ พี่จอมคะ ลิณพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของพี่แล้วค่ะ ”
ชายหนุ่มกระโดดตัวลอย แล้วค่อยๆดึงหญิงสาวเข้ามากอด  และพูดกับหญิงสาวว่า
“  ลิณ คือดวงแก้วที่ส่องสว่าง ให้ความอบอุ่นแก่พี่  ถึงแม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าแสงอาทิตย์ แต่ดวงแก้วดวงนี้ไม่เคยลับหายไปไหน มันส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา พี่สัญญาว่าจะรักษาดวงแก้วดวงนี้ไว้ให้ดีที่สุดจะไม่ให้เกิดรอยใดๆขึ้น
ลิณจะอยู่ในใจพี่ตลอดไป ”
          ทั้งคู่ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วสัญญาซึ่งกันและกันว่า พวกเขาจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ ทั้งเวลาทุกข์และสุข

ณ  เวลานี้  จอมทัพรู้และตระหนักว่า  เงินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตที่ใช่ที่สุด  เงินซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกได้ แต่ซื้อมิตรภาพ  เวลา   และชีวิตไม่ได้

         


                                                                                                       ปากหม้อ 

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๑๑ มิตรภาพ


ตอนที่ ๑๑
มิตรภาพ




จอมทัพ  รวิญญ์ศิริกุล    นักธุรกิจหนุ่ม ผู้ร่ำรวยได้หายไปจากวงสังคมเป็นเวลาปีกว่านั้นตอนนี้กลายเป็น  จอมทัพที่เป็นเพียงเกษตรกรคนหนึ่งที่มีกิจการสวนสมุนไพรครบวงจรเล็กบริเวณเนื้อที่ ๕ ไร่กว่าๆที่เขาขอเช่า และต่อมาก็ขอแบ่งซื้อจากชาวบ้าน เขาแบ่งพื้นที่ออกเป็นแปลงปลูกสมุนไพร โรงเรือนเก็บและแปรรูปสมุนไพร  ทั้งที่ใช้อุปโภค บริโภค  ร้านค้าจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร กิจการของเขาได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก  เขาสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับชาวบ้านและลลิณ โดยจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวร่วมกับโฮมสเตย์ของหญิงสาว  นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่จะได้สัมผัสบรรยากาศ ความเป็นอยู่  วิถีชีวิต และทดลองใช้ชีวิตเหมือนคนที่นี่ เริ่มตั้งแต่  ปลูกข้าว  ปลูกผัก  ประกอบอาหารรับประทานเอง เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพร  ลงมือแปรรูปสมุนไพร  และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปนั้น  จอมทัพก็จะยกให้นำไปใช้ฟรีด้วย  

จอมทัพ เปลี่ยนไปทั้งรูปร่าง บุคลิก นิสัยใจคอ โดยเฉพาะความคิดเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด   เขาเริ่มเหมือนคนในชุมชนมากขึ้น  ทำงานเพื่อส่วนรวมมากขึ้น  ชาวบ้านรักเขาเหมือนลูกหลาน  ทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะ  เขาได้รับมิตรภาพจากชาวบ้าน เขาให้ชาวบ้านมากเท่าไร  เขาก็จะได้รับกลับคืนมากเป็นสองเท่า   ตอนนี้  เด็กชายแบงค์เริ่มโตเป็นหนุ่ม  เขาจึงขอแบงค์จากหลวงพ่อมาทำงาน พักอยู่กับเขา  และขอรับผิดชอบเรื่องการศึกษาของเด็กชายด้วย เขาสอนงานทุกอย่างให้กับแบงค์ ตอนนี้แบงค์กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจของชายหนุ่มมากที่สุด ตอนเช้าทุกวันเขาให้แบงค์ไปทำหน้าที่เป็นเด็กวัดตามเดิม ช่วยงานที่วัดเสร็จแล้วจึงไปโรงเรียน งานทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างดี   เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเขากับลลิณที่กำลังเริ่มต้นขึ้น หญิงสาวเปิดใจให้กับชายหนุ่มมากขึ้น เธอเห็นถึงความพยามยามของเขา  จากที่เขาไม่มีอะไรเลย  เขาสามารถอยู่ได้  และที่สำคัญ  เขาเปลี่ยนจากการเป็นผู้รับ  มาเป็นผู้ให้มากขึ้น 

ชายหนุ่มยังไม่เคยลืมวันที่เขาไปปิกนิกกับหญิงสาวที่น้ำตกในวันนั้น  เขารู้ตัวเองแล้วว่าเขารักเธอจริงๆ เขาจะต้องทำให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น  เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อเธอโดยมีฝ่ายสนับสนุน คือ แบงค์  เมื่อเขามีคนรับผิดชอบงานแทนเขาได้  เขาจึงมีเวลาเทียวแวะเวียนไปที่บ้นของหญิงสาวมากขึ้น เขาอาศัยทำคะแนนผ่านป้าน้อม 
เขาช่วยงานในไร่และโฮมสเตย์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นในสมัยที่เขายังเป็นนักธุรกิจ เขาคงมีของกำนัลติดไม้ติดมือมาฝากคนที่นี่  อย่างไม่ได้ขาด  แต่  ณ  ตอนนี้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะ คนที่นี่ รังเกียจคนที่ใช้เงิน ในการซื้อมิตรภาพ มากที่สุด  เขาจึงใช้ใจ และกำลัง ความสามารถของเขา สานต่อความสัมพันธ์กับหญิงสาวและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเธอ
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มมาที่นี่ มักจะไม่มีโอกาสที่จะอยู่กับเธอเพียงลำพัง เพราะ เวลาของหญิงสาวนั้นหมดไปกับการทำงานและช่วยเหลือให้ความรู้กับเพื่อนบ้าน 

          วันนี้เป็นวันพระ  ชาวบ้านมาทำบุญที่วัด  เขาจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาว
          “ วันนี้เป็นวันดีนะครับคุณลิณ ผมอยากฟังคำตอบจากคุณ ผมผ่านการทดสอบรึยังครับ  คุณพร้อมที่จะสร้างฝันร่วมกับผู้ชายที่มีแต่ตัวคนนี้รึยังครับ ”
          “ ลิณ เชื่อมั่นในตัวคุณนะคะว่า คุณจะสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้  คุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ลิณเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  คุณจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างสบายๆ เลย  ลิณให้โอกาสคุณค่ะ คุณจอม ”
          “  ผมดีใจที่สุดเลยครับ ที่ลิณให้โอกาสพี่ พี่จะรักษาโอกาสนี้ไว้ตลอดชีวิต และพี่จะรออีกโอกาสที่ลิณจะเปลี่ยน คำว่าคุณ  มาเป็นพี่  ”  ชายหนุ่มมองเห็นอนาคตของเขากับหญิงสาวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น   เขาสัญญากับตัวเองว่า จะรักษาสิ่งที่มีค่าสิ่งนี้ไว้ให้ดีที่สุด
          ทั้งสองคนเริ่มเปิดตัวคบหาในฐานะคนสนิทมากขึ้น ผู้คนในชุมชนต่างยินดีและสนับสนุนคนทั้งสองด้วยดี
          “  ลิณ  พี่มีเรื่องขอความคิดเห็นจากลิณ  พี่ว่า เราน่าจะจัดกิจกรรม  ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ให้กับชุมชนของเรานะ เพราะธรรมชาติที่ยังสวยงามนั้น มีน้อยแล้วเหลือเกิน  เราจึงควรรักษาธรรมชาติในชุมชนของเราให้คงอยู่คู่กับหมู่บ้านของเรา ”
          “  ลิณ ก็คิดเหมือนกับคุณจอมนะคะ  เรามาต่อยอดจากการให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมทางการเกษตร  ประกอบอาหารกินเอง แปรรูปสมุนไพร เราเพิ่มกิจกรรม สองเท้า ทอดน่อง ส่องไพร กัน  คือ  เราจะสร้าง ยุวมัคคุเทศค์ นำเที่ยวน้ำตก และเดินชมป่า  ศึกษาสมุนไพร ห่มรักให้ผืนป่า โดยมีการห่มผ้าเหลืองให้กับต้นไม้ใหญ่  และเพิ่มเติมด้วยการปลูกต้นไม้ เมื่อพวกเขากลับมาเที่ยวอีกครั้งเขาจะได้สัมผัสต้นไม้ที่พวกเขาปลูกขึ้นด้วยสองมือของพวกเขา ”

          จอมทัพและลลิณนำเสนอกิจกรรมดังกล่าว ผ่านที่ประชุมของชุมชน  ได้รับการตอบรับและให้ความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี  และ มีความกระตือรือร้นอยากที่จะทำกิจกรรมนี้เร็วๆ พวกเขาเริ่มกิจกรรมดังกล่าวโดยจัดตั้งทีมสำรวจเส้นทาง  ทำทะเบียนต้นไม้  สมุนไพร  และสัตว์ที่พบในบริเวณน้ำตก แล้วนำข้อมูลดังกล่าวจัดทำรายละเอียดและฝึกฝนยุวมัคคุเทศค์ โดยการนำของแบงค์  ทุกคนมีมติร่วมกันว่า  จะไม่กำหนดราคาค่างวดในการทำกิจกรรมจากนักท่องเที่ยว แต่ ขอแค่สินน้ำใจจากพวกเขาเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่ได้ลงทุนอะไร  เพียงแค่ลงแรงกายและแรงใจเท่านั้น  ดังนั้น  สิ่งที่ได้ตอบกลับมา คือกำไร  และกำลังใจในการตอบแทนแผ่นดินเกิดเท่านั้นเอง

           จอมทัพรู้แล้วว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขาต่อไปอีกแล้ว   ยิ่งเขาอยู่ที่นี่นานเท่าไร เขายิ่งรักที่นี่ และลืมเรื่องเงินไปเลย  เขาจึงสร้างทุกอย่าง ให้บริการทุกอย่างโดยไม่ได้หวังเงินทองเป็นค่าตอบแทน  เพราะทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย  มิตรภาพและน้ำใจของคนที่นี่มีให้เขามากมายจนเขาไม่ต้องการเงินอีกแล้ว  ยิ่งคิด  เขายิ่งเสียดายเวลาที่เขาวิ่งวุ่นหาเงินให้มีมากเพื่อหน้าตาทางสังคม  แต่มันไม่จีรังยั่งยืนเลย  ต่อจากนี้ไป เขาจะให้ในสิ่งที่เขาให้ได้ ให้กำลังแรงกาย  กำลังสติปัญญา เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคม  ทุกสิ่งที่เขาลงทุนไปไม่ได้สูญสลายหายไปไหน แต่มันแทรกซึมเข้าไปในสายเลือด ของทุกคนที่นี่   แต่นี้เขาก็แทบจะสำลักความสุขแล้ว  เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เขายังต้องสู้ต่อไป คือ การได้หัวใจของนางในฝันมาไว้ครอบครองและยืนเคียงข้างทั้งในวันที่เขาทุกข์และสุข  ยืนหยัดต่อสู้และเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน
          “  ลลิณ หญิงสาวผู้จุดประกายฝัน เธอมีตัวตนและสัมผัสได้ด้วยหัวใจ และความจริงใจ ”
         



                                                                      ปากหม้อ

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๑๐ ทบทวน


ตอนที่ ๑๐
ทบทวน




          จอมทัพ  ยังคงปฏิบัติตัวตามปรกติ  ทำงาน ช่วยงานที่ไร่  ที่โฮมสเตย์ของลลิณ ทำจิตอาสาช่วยงานชาวบ้านที่ประสบปัญหาต่างๆด้วยความเต็มใจ  ชาวบ้านให้สิ่งของ ผัก ปลา มาเป็นของฝาก เขาสุขใจทุกครั้งที่ได้ช่วยคนอื่น  และเขาไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆจากชาวบ้าน  แล้วตอนเย็นเขาก็ได้ต้อนรับศาสตราอดีดคนสนิทที่รู้ว่าเขาทำอะไร  อยู่ที่ไหน 
“ สวัสดีครับ  คุณจอม เป็นอย่างไรบ้างครับ แต่ที่ผมเห็นตอนนี้ คุณคงมีความสุขกาย  สบายใจดีนะครับ”
“ มันดีมากเลยศาสตรา  ที่นี่ สงบ  สุข  ไม่มีใครสนใจในอดีตของผม  ทุกคนมีน้ำใจกับผมมากเลย  เพื่อนที่นี่ไม่ต้องใช้เงินแลก  ใช้ใจแลกอย่างเดียวพอ  แล้วที่มานี่มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า ”
“ ครับ คงจะจริง เพราะคุณจอมดูมีความสุขจริงๆ  ที่มาวันนี้ ก็ผมคิดว่าคุณจอม คงไม่ได้สนใจเรื่องราว ข่าวคราว สังคมการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ”
“ เอาตรงๆ เลยศาสตรา”
“ คือ กิจการเก่าของคุณนั้น  ผู้บริหารเขาลาออกไปพักผ่อน  เพราะ ลูกๆเขาไม่อยากให้พ่อเขาทำงานอีกแล้ว  เจ้าของก็ไม่มีเวลาที่จะมาบริหาร  เขาถนัดบริหารเสน่ห์มากกว่าครับ  และที่สำคัญ ก็มีคุณดาว รวมอยู่ในนั้นด้วย  ตอนนี้โรงแรมขาดผู้บริหาร ผมได้รับมอบหมายให้หาผู้บริหารมาบริหารงานต่อ  ผมเลยคิดถึงคุณ  อยากให้คุณกลับไปบริหารงานต่อ  มันน่าจะดีกว่าคนอื่น ”
“ ขอเวลาผมคิดก่อนนะ  คุณมีเวลานานเท่าไร  ”
“ อาทิตย์หนึ่งครับ ”
“ถ้างั้น คุณก็พักอยู่ที่นี่กับผมก่อน  ลองใช้ชีวิตบ้านๆ  ปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดที่จะให้ผมกลับไปนั่งโต๊ะทำงาน อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตลอดเวลา  ต้องใช้ชีวิตที่เสี่ยงกับกระแสต่างๆจากปัจจัยภายนอก”

          ศาสตราพบกับการเปลี่ยนแปลงของอดีตเจ้านาย ทั้งภายนอก  คือรูปร่าง  ผิวพรรณ ดูแข็งแรง สง่า  สมชายชาตรี  และภายในคือ จากการพูดจา  ดูเหมือนว่า เขาไม่ยินดีกับสิ่งใดๆอีกแล้ว  เขาคงต้องทดลองใช้ชีวิตแบบบ้านๆที่อดีตเจ้านายบอกเสียแล้ว

          จอมทัพ ปลุกศาสตรา แต่เช้าตรู่ เพื่อไปตักบาตร  หลังจากนั้นก็พาเขาปั่นจักรยาน เที่ยวรอบหมู่บ้าน สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ มันช่างสดชื่นจริงๆ  เขาพาศาตรามาแวะที่โฮมสเตย์ของลลิณ หญิงสาวชวนศาสตรา เที่ยวไร่ เก็บผัก ผลไม้  และวัตถุดิบอื่นๆ  มาประกอบอาหารรับประทานในตอนเช้า  ศาสตราสังเกตจอมทัพตลอดเวลา  เขาทำงานทุกอย่าง  ได้อย่างคล่องแคล่วแตกต่างจากในอดีตมากจากคนที่คอยชี้นิ้วสั่ง  แต่ตอนนี้เขาทำทุกอย่างเองสำหรับเมนูเช้านี้ คือ  แกงส้มปลานิลทอด และชะอมชุบไข่ทอด  ฝีมือของจอมทัพ  มีผู้ช่วยคือ ศาสตรา   พวกเขารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย  และปิดท้าย ด้วยของหวาน คือ กล้วยไข่ที่สุกคาเครือ ที่พวกเขาเก็บมาสดๆ   เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ลลิณขอตัวไปต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ ที่เข้ามาใหม่ 
          “ คุณจอมครับ  เราต้องจ่ายเท่าไรสำหรับอาหารมื้อนี้  ”  ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่พาศาสตราไปที่ไร่  โดยให้เขาหยิบหมวกปีกกว้างไปด้วย เพราะอากาศเริ่มร้อนแล้ว   เขาให้ศาสตราเลือกทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เขาสนใจ  เช่น  ใส่ปุ๋ย  บำรุงรักษา พืช ผัก ผลไม้ในไร่
          “ นี่ คือค่าจ้างที่คุณต้องจ่าย ” ศาสตราอึ้งในคำตอบ และเข้าใจในที่สุด

ในช่วงเวลาพักเที่ยง  จอมทัพ ได้บอกกล่าว กับลลิณถึงการมาของศาสตราในครั้งนี้  และขอความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจในครั้งนี้  หญิงสาว บอกกับชายหนุ่มว่า
          “  ดิฉัน คิดว่าคุณจอม น่าจะกลับไปกับคุณสาสตรานะคะ  ไม่ใช่ว่าฉันขับไสไล่ส่งคุณนะคะ  แต่ดิฉันอยากให้คุณกลับไปเพื่อทบทวนสิ่งที่คุณต้องการจริงๆในชีวิตคุณ  ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณนะคะ ถ้าคุณทบทวนและตัดสินใจดีแล้ว ทุกคนที่นี่ต้อนรับคุณเสมอ ในทุกสถานะนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณปิดกั้นตนเองเพียงเพราะ คุณเคยล้มเหลว จนขาดความมั่นใจ  ”
          ชายหนุ่มเก็บคำพูดของหญิงสาวมาคิดทบทวน และตัดสินใจกลับไปกับศาสตรา  ทุกคนในโรงแรมต้อนรับการกลับมาของเขา
          “ ถ้า คุณจอมทัพไม่กลับมาบริหารงานที่นี่  พวกเราคงต้องแย่ๆแน่ๆเลย ” พนักงานอาวุโสคนหนึ่งกล่าวกับเขา
          “ คุณจอมช่วยพวกเราด้วยนะคะ ”  อีกเสียงหนึ่งขอความช่วยเหลือจากเขา

          จอมทัพ ตัดสินใจ กลับมาบริหารงานโรงแรมอีกครั้งหนึ่ง  แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจเมื่อต้องติดต่อประสานงานกับคนกลุ่มเดิม 

          “ เรา ดีใจจริงๆที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักบริหารมือทองอีกครั้ง  พวกเราหวังว่าเราคงได้ร่วมลงทุนกันอีกนะครับ  และขอโทษคุณด้วยที่ครั้งนั้นไม่ได้ช่วยคุณ ผมติดงานที่ต่างประเทศ  พอกลับมาคุณก็หายไปแล้ว ผมไม่รู้จะติดต่อคุณอย่างไร ”   ถ้าเป็นสมัยก่อนชายหนุ่มคงจะยิ้มหน้าบาน แต่ตอนนี้เขารู้สึกเฉยๆ  และเริ่มรู้แล้วว่าเขาคงไม่สามารถมาใช้ชีวิตอย่างเดิมได้อย่างมีความสุขเขาจึงตัดสินใจลาทุกคนกลับไปยังที่ที่เขาจากมา

          เมื่อเขาเดินทางไปถึงหมู่บ้าน  แบงค์รีบไปกระจ่ายข่าวทันทีว่า น้าจอมกลับมาแล้ว  และจะไม่ไปไหนอีก ชายหนุ่มปั่นจักรยานไปหาลลิณ
          “ คิดถึงผมบ้างไหมครับ ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำ  ผมกลับไปครั้งนี้ ผมได้ทบทวนและค้นพบความต้องการของตนเองจริงๆแล้ว คงไม่มีที่ใดที่จะเหมาะสมกับผมเท่าที่นี่แล้วครับ”
          “ ทุกคนที่นี่ ยินดีต้อนรับคุณเสมอค่ะ ”
          “ ป้าน้อมครับ  ผมขอฝากตัวเป็นลูก เป็นหลานอีกคนนะครับ ” ปากพูดกับป้าน้อม  แต่กลับส่งสายตาหวานมายังหญิงสาว
          “ ป้าไม่มีปัญหานะพ่อหนุ่ม  ถามเจ้าตัวเขาดีกว่ามั้ง ”  ป้าน้อมตอบอย่างรู้ใจ

          เมื่อเขารู้ใจตนเองดีแล้ว ต่อไปนี้เขาต้องสู้และทำให้ได้เพื่อสิ่งที่เขาหวังและรอคอยมาตลอดตั้งแต่ได้เจอกับเธอคนนี้  นางสาวลลิณ  กุลพงษ์  ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ธรรมดา



                                
                                                                                                  ปากหม้อ

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๙ ตามฝัน


ตอนที่ ๙
ตามฝัน




            ในระหว่างพักรักษาตัวที่บ้านของลลิณนั้น  จอมทัพก็ยังคอยช่วยงานหญิงสาวไม่ขาด ทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกันมากขึ้น เธอเห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจของเขา เขาขอเธอกลับไปพักที่วัดเหมือนเดิมเมื่อหายป่วย และขอทำงานในไร่เหมือนเดิม แม้ว่าหญิงสาวจะให้เขาพักที่ไร่ก็ตาม ในขณะที่เขาป่วยนั้น เขามีความคิดว่าถ้าเขารู้จักวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นคงไม่ต้องเสียเวลาไปนอนให้หมอรักษาที่โรงพยาบาล เขาจึงปรึกษาและขอคำแนะนำจากหลวงพ่อ  เรื่องการจะทำสวนสมุนไพรเพื่อช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆและสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในชุมชนด้วย  เพราะเขาเคยได้อ่านข่าวว่าประเทศของเรานั้นปลูกสมุนไพรส่งขายให้ต่างประเทศ  หลวงพ่อแนะนำเขาให้ไปปรึกษากับแพทย์แผนไทยที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด 

          จอมทัพขอเช่าที่ชาวบ้านข้างๆไร่ของลลิณ ทำสวนสมุนไพร  โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล โดยเขาจะส่งสมุนไพรให้กับคณะวิจัยของทางโรงพยาบาล คิดค้น แปรรูปสมุนไพรต่างๆเป็นยาเม็ด และยาน้ำให้สามารถรับประทานได้ง่ายๆ สวนสมุนไพรของเขาดำเนินการไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไร  เพราะชาวบ้านบางส่วนยังคงเชื่อมั่นในยาที่มาจากต่างประเทศอยู่  แต่เขาก็ไม่ได้ย่อท้อ  เขาหันมาศึกษา หาข้อมูล และทำงานร่วมคณะวิจัย  แปรรูปสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เกี่ยวกับการเกษตร และใช้ในชีวิตประจำวัน  เช่น  สมุนไพรน้ำสะเดาใช้ฉีดพ่นไล่แมลง และหนอนที่มากัดกินผัก สเปรย์ตะไคร้หอมไล่ยุง เทียนหอมกลิ่นต่างๆที่ใช้ในการบำบัดความเครียด โดยเริ่มใช้ที่ไร่ของลลิณก่อนทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดแมลงศัตรูพืช  และนำผลิตภัณฑ์ต่างๆไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่สนใจนำไปทดลองใช้ จนชาวบ้านเริ่มให้ความสนใจและหันมาใช้สมุนไพรในการบำรุง รักษา ผลผลิตทางการเกษตร เขาจึงร่วมมือกับชาวบ้านตั้งกลุ่มสมุนไพรไทยปลูกสมุนไพรส่งให้กับโรงพยาบาลเป็นหลัก และผลิตใช้เองในชุมชน ชายหนุ่มต้องการให้กิจกรรมนี้อยู่คู่กับสังคมที่นี่ จึงร่วมมือกับโรงเรียนจัดทำหลักสูตรสมุนไพรไทยขึ้นให้นักเรียนได้ศึกษา ปลูก  และทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร  เช่น  ยาดม  เทียนหอม  ยาหม่อง  ธูปไล่ยุง ฯลฯ นำไปวางขายที่วัด  หรือจัดเป็นของชำร่วยในงานต่างๆ โดยเขาขอให้ลลิณออกแบบแพคเกจของผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม  และประกาศขายออนไลน์ ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก

จอมทัพจึงเพิ่มกำลังในการผลิตมาที่ผู้สูงอายุในชุมชนทำให้ผู้สูงอายุมีงานทำมีการทำกิจกรรมร่วมกัน สุขภาพจิตก็ดีขึ้น  ลูกหลานก็สามารถไปทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลและเป็นห่วงผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว  คนเฒ่าคนแก่ก็มีความสุข รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น ไม่เป็นภาระให้กับลูกหลาน 

          ทางด้านลลิณก็กำลังขยายผลจากสิ่งเธอได้ไปสัมมนามาให้กับคนในชุมชน  เริ่มจากการผลิตปุ๋ยชีวภาพ และทดลองปลูกเห็ด เพื่อใช้ในการประกอบอาหารให้กับลูกค้าที่มาพักที่โฮมสเตย์ของเธอ เธอลองปลูกที่ไร่ของเธอก่อนถ้าได้ผลดีเขาจึงจะขยายผลให้กับชาวบ้านต่อไป

          กิจกรรมของคนทั้งคู่เริ่มดำเนินการได้ดี ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีเวลาที่จะสานสัมพันธ์กับหญิงสาวมากขึ้น เขาชวนหญิงสาวไปปิกนิคที่น้ำตกที่แบงค์พาเขาไป 
          “ คุณจอมทัพ รู้ได้อย่างไรคะ ว่ามีน้ำตกสวยๆอยู่ที่นี่  ดิฉันเป็นคนที่นี่เสียอีก แต่ลืมไปแล้วว่ามีสถานที่สวยๆแบบนี้ ”
          “ คุณลิณทำงานหนักมากกว่าครับ  จนไม่มีเวลาพักผ่อน แบงค์พาผมมาเที่ยวตอนที่คุณลิณไปสัมมนาที่จังหวัดไงครับ  แล้วเมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกผมเต็มยศเสียที  และเลิกแทนตัวเองว่าดิฉันเสียที่  ผมว่ามันห่างเหินจังเลยนะครับอยากให้คุณเรียกผมว่า พี่จอม  และแทนตัวเองว่าลิณเหมือนที่คุณพูดกับป้าน้อม และชาวบ้านได้ไหมครับ ”
          “ ขอเวลาให้ฉันอีกสักหน่อยนะคะ  ให้ดิฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ  และมั่นใจในตนเองก่อน  เมื่อถึงวันนั้นฉันจะเรียกคุณเองค่ะ ”

          ชายหนุ่มและหญิงสาวรับประทานอาหารเที่ยงริมน้ำตก  บรรยากาศดีมาก  ชายหนุ่มลงเล่นน้ำ  เขาว่ายน้ำดำผุด ดำว่าย อย่างสบายใจ  หญิงสาวมองไปที่ชายหนุ่ม  เขาเปลี่ยนไปอย่างมากจากคนที่เคร่งเครียด หยิ่งยโส กลายเป็นผู้ชายที่ผ่อนคลาย  สบายๆ  อบอุ่น  เขาเปลี่ยนไปได้จริงๆหรือ  หญิงสาวคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
          “ อะแฮ้ม  คิดอะไรอยู่ครับ  ผมเรียกตั้งนาน ไม่ยอมตอบเลย คิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย ”
          “  บ้าหรือคุณ  ฉันก็คิดของฉันไปเรื่อยแหละค่ะ แต่ขอบอกว่าในความคิดไม่มีคุณอยู่เลย ”
          “ ว้า  อุตส่าห์ แอบดีใจ  นกเลยเรา  ไม่เป็นไรครับ  ผมสู้ไม่ถอยแน่  ว่าแต่คุณไม่เล่นน้ำหรือครับ  น้ำเย็นสดชื่นมากๆเลย ”
          “  ไม่ดีกว่าค่ะ  วันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวก ”
          “  งั้นผมขอเล่นน้ำต่ออีกหน่อยนะครับ ไม่เคยสบายใจแบบนี้มาก่อนเลย ”
          “  ตามสบายเลยนะคะ  ฉันขอเดินสำรวจรอบแถวนี้ก่อน ” 
เมื่อเวลาบ่ายกว่าๆ  ทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน
“ ลิณ ป้าว่า คุณจอมคนนี่ก็น่าสนใจดีนะ  เสียอย่างเดียวไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ”
“ ป้า ก็ พูดอะไร ” 

ป้าน้อมมองพฤติกรรมหลานสาวก็รู้ว่า เริ่มมีใจให้ชายหนุ่มแล้วแน่ๆ งานนี้มีลุ้นแน่เลย ฝ่ายชายหนุ่มก็เช่นกันเขาเริ่มมีความหวัง และมองออกว่าหญิงสาวเริ่มมีใจให้เขาบ้างแล้ว ต่อไปคงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องพิสูจน์ให้หญิงสาวเห็นความจริงใจของเขา และเชื่อมั่นในตัวเขา  เขาจะอดทนเพื่อให้มีวันนั้น และวันนั้นมาถึงในเร็ววัน

         


                                                                                                         ปากหม้อ

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๘ น้ำใจ

                                                               
                                                       ตอนที่ ๘
            น้ำใจ
                                                                


หลังจากเสร็จภารกิจประจำวันแล้ว จอมทัพไปสนทนากับหลวงพ่อและขออนุญาตไปทำงานที่ไร่ของลลิณ
“ เป็นไงบ้างโยม  เมื่อวาน เจ้าลิงแบงค์ พาไปไหนมาบ้างล่ะ  ”
“ พาไปหลายที่เลยครับ  เกือบรอบหมู่บ้านเลยครับ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากและเริ่มชอบทีนี่แล้วล่ะครับหลวงพ่อ ชอบบรรยากาศ ชอบมิตรภาพของคนที่นี่  ผมมีความคิดอยากทำกิจการเล็กๆ ที่ช่วยต่อยอดกิจกรรมของชุมชนที่นี่น่ะครับ  ผมขอเวลาคิดพิจารณาก่อนแล้วจะขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากหลวงพ่อนะครับ  ”
“ ได้สิโยม ขอเพียงให้มันเกิดประโยชน์กับชุมชนก็พอแล้ว แล้ววันนี้จะไปไหนต่อล่ะ ”
“ จะไปสำรวจหมู่บ้านต่อครับ  ยังมีหลายที่ ที่แบงค์บอกว่ายังไม่ได้ไปครับ ผมขออนุญาตลาหลวงพ่อเลยนะครับ สงสัยแบงค์จะรอนานแล้วครับ”
“ ไปเถอะ เดี๋ยวสายแดดจะร้อน อาตมามองดูแล้วเหมือนโยม อาการ จะไม่ค่อยดีนะ  ”
นิดหน่อยครับหลวงพ่อ  ผมยังไหว ผมกลัวหมดเวลา  หมดอายุ ก่อนที่จะได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เหมือนที่หลวงพ่อว่า  ผมไปล่ะครับ”  ชายหนุ่มก้มกราบและรีบไปหาแบงค์
“ น้าจอมช้าจัง  วันนี้ไปไกลหน่อยนะครับ  แต่ไปถึงแล้วน้าจอมจะร้องว้าวเลยแหละ ”
“ ขอโทษที่น้ามัวแต่คุยกับหลวงพ่ออยู่ พร้อมแล้ว ไปกันเลย ”
สองคนพากันปั่นจักรยานเลาะเรื่อย ผ่านหมู่บ้านเลยไปยังป่าท้ายหมู่บ้าน  บรรยากาศร่มรื่น  เสียงนกร้องฟังเหมือนเสียงเพลงไพเราะ ท่วงทำนองสบายๆฟังรื่นหู ชวนฝัน  แบงค์ปั่นจักรยานช้าๆ  พาชายหนุ่มแวะพักไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน
“ น้าจอม ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ  ”  ชายหนุ่มเงี่ยหูฟัง 
“ เสียงเหมือนน้ำตก  ใช่ไหมแบงค์ ”
“ ถูกต้องแล้วครับ ”  เด็กชายทำท่าเลียนแบบพิธีกรดังของโทรทัศน์ช่องหนึ่ง  ชายหนุ่มหัวเราะท่าทางของเด็กชาย แล้วทั้งสองก็เริ่มปั่นจักรยานร้องเพลง  แบงค์ร้องเพลงลูกทุ่ง  ชายหนุ่มร้องเพลงสตริง มุ่งตรงไปยังที่มาของเสียงนั้นอย่างสนุกสนานครื้นเครง
“ ว้าวๆๆๆ มหัศจรรย์ยังเหลือธรรมชาติแบบนี้อยู่อีกหรือนี่ ”  จอมทัพอุทานอย่างเหลือเชื่อและแปลกใจ ทำไมคนที่นี่รักษาสภาพแวดล้อมได้ดีจังเลย  ชายหนุ่มและแบงค์ลงเล่นน้ำอย่างมีความสุข  ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายน้ำคิดถึงลลิณ  ถ้ามีเธออยู่ด้วยตรงนี้คงจะมีความสุขมากกว่านี้ 

คนทั้งสองใช้เวลาในการดื่มด่ำธรรมชาติอันสวยงามและความเย็นฉ่ำของสายน้ำจนเกือบเที่ยงจึงพากันขึ้นจากน้ำและปั่นจักรยานกลับไปไร่ลลิณเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และช่วยงานจนถึงค่ำจึงได้กลับวัด

วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มมาช่วยงานในไร่ทั้งวัน ชาวบ้านสงสารจึงให้เขาไปช่วยงานโฮมเสตย์  แต่ชายหนุ่มอ้างว่าเขาชอบงานกลางแจ้ง ซึ่งที่จริงแล้วเขากลัวเจอคนที่เคยรู้จักมากกว่า  เขายังไม่พร้อมที่จะให้ใครเจอหน้าเขาในตอนนี้ชิวิตของเขาจึงวนเวียนอยู่ในไร่กับวัด   วันนี้ลลิณมาทำงานที่ไร่ 
“ ป้าน้อม  ระหว่างที่ลิณไม่อยู่ มีปัญหาอะไรไหมคะ ”
“ ไม่มีจ้า ทุกอย่างปกติ เออเกือบลืมไป มีคนมาขอทำงานที่ไร่ด้วย เขาไม่รับค่าแรง ขอแค่อาหารกลางวัน  ชื่อจอม เป็นญาติหลวงพ่อพึ่งโดนสาวหักอก และตกงานมาจากกรุงเทพ ฯ ” 
“ ออ  ตกงานมาจากกรุงเทพฯ แล้วทำงานกลางแดดได้หรือป้า ”
หญิงสาวคิดถึงผู้ชายอีกคนที่เคยรู้จัก หรือจะเป็นคนเดียวกัน  ฉัตรชัยส่งข่าวว่า ธุรกิจ เขาล้มละลาย คนรักก็ทิ้ง เขาหลบหน้าหนีหายไปจากวงสังคมไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน                 
           “ หรือว่าจะเป็นคุณจอมทัพ ”
“ ว่าไง นะหนูลิณ  ”
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า ดูแลเขาหน่อยนะป้า คนกรุงเทพฯ บอบบางนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปจะลำบากแล้วตอนเย็นๆหนูจะมาดูคนกรุงเทพฯนะคะหนูไปดูแลแขกที่จะมาพักที่โฮมเสตย์ของเราก่อนค่ะ”  
       เวลาเย็นๆ ลลิณพานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไร่ และเก็บวัตถุดิบต่างๆไปประกอบอาหารเย็นเธอปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเก็บผัก ผลไม้อย่างอิสระและถือโอกาสไปพูดคุยซักถามสารทุกข์สุกดิบกับชาวบ้านที่ทำงานในไร่
“คุณลิณมาแล้ว  สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คุณลิณมาถึงเมื่อไรค่ะ  ได้อะไรใหม่ๆมาเยอะไหม ” เสียงร้องถามเซ็งแซ่ไปหมด  จอมทัพสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว 
“ สวัสดีค่ะ  ทุกๆคนเป็นอย่างไรกันบ้าง  มีอะไรใหม่ๆ มาฝากทุกคนเยอะเลยจ้า  เราค่อยประชุมวางแผนกันนะ เห็นป้าน้อมบอกว่าเรามีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม วันนี้มาไหมคะ  ลิณอยากรู้จักจะได้สอบถามด้วยว่าขาดเหลืออะไรไหม ”
“ อยู่ทางแปลงผักกาดหอมโน่นแหนะจ้าหนูลิณ  ”
“ เครจ้า เดี๋ยวลิณเดินไปหาเขาเอง ” หญิงสาวเดินไปหาสมาชิกใหม่ ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวเดินใกล้เข้ามา ใจเขาเต้นรัวอย่างกับตีกลอง เธอจะจำเขาได้ไหมนะ  จะทำไงดีล่ะ 
“ สวัสดีจ้า  เป็นไงบ้าง งานหนักไปไหน  เห็นว่ามาจากกรุงเทพฯ ” ยิ่งได้ยินเสียงหญิงสาวใจยิ่งสั่นระรัวกว่าเดิม
“ สะสะหวัดดีครับ  ทำได้ครับ  ” 
“ ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้น ไม่สบายรึเปล่า ”  หญิงสาวเดินเข้าไปหา  และก้มมองหน้าชายหนุ่มใกล้ๆ
“ คุณจอมทัพ ” หญิงสาว ร้องทัก “ ทำไมไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนฉันล่ะคะแล้วทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า ”  ชายหนุ่มไม่ทันตอบก็เป็นลมล้มพับไป หญิงสาวรีบเข้าไปพยุงเขาไปนั่งพักในร่มพร้อมกับเรียกคนงานมาช่วยนำเขาไปที่รถ  เธอพาเขาไปส่งโรงพยาบาล  หมอบอกว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ ยิ่งร่างกายอ่อนแอยิ่งทำให้อาการหนักมากขึ้น  ชายหนุ่มนอนไม่รู้สึกตัวไปหนึ่งคืนเต็มๆ ประกอบกับหมอให้ยานอนหลับเพื่อให้เขาได้พักผ่อนด้วย เมื่อตื่นขึ้นมาเขามองเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่บนโซฟา  เขาต้องการเข้าห้องน้ำ แต่เกรงใจเธอจึงไม่ปลุก พอเขาออกจากห้องน้ำ เธอก็ตื่นแล้ว
“ ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ  ถ้าเป็นไรไปในห้องน้ำฉันจะรู้สึกบาปแน่เลย ” หญิงสาวลุกไปประคองเขามาที่เตียง
“ ขอบคุณครับ  ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ  ”
“ ทำไมคุณไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนกับฉันล่ะคะ ”
“ ผมไม่อยากให้ทุกคนลำบากใจนะครับ และผมอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่า ผมจะอยู่ได้ไหม ถ้าไม่มีเงิน ”
“ แต่ตอนนี้คุณต้องฟังและปฏิบัติตามฉัน คุณต้องย้ายออกมาจากวัดมาพักที่บ้านของฉัน  รักษาตัวจนหายขาดก่อน  คุณได้ทำงานต่อแน่ๆ  รับรองเลยว่าฉันจะใช้งานคุณให้พอกับที่คุณพักแน่นนอน ”

ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้านของหญิงสาว เมื่อออกจากโรงพยาบาล ลลิณให้เหตุผลกับทุกคนว่า ทุกคนที่ทำงานกับเธอเปรียบเสมือนญาติ เมื่อไม่สบายต้องดูแลกัน  และเพื่อง่ายต่อการดูแลจึงจำเป็นต้องให้ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้าน เมื่อชายหนุ่มทำตามที่เธอบอก  เขาก็ขอร้องเธอว่าอย่าบอกทุกคนว่าเขาเป็นใคร  ให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงคนงานคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้ใครใครหาเธอได้  หญิงสาวยินยอมและดูแลเขาอย่างดีจนเขาหายเป็นปรกติดี จากความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้น 


                                                                                               ปากหม้อ 

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๗ จุดประกาย



ตอนที่ ๗
จุดประกาย




          “น้าจอม ครับ น้าจอมๆ ตื่นยังครับ  หลวงพ่อให้มาเรียกครับ  ”  
          จอมทัพสะดุ้งตื่น พร้อมขานรับ  “ ครับ  เดี๋ยวน้าไป ”  ชายหนุ่มรีบสะบัดผ้าห่มพับเก็บอย่างรีบเร่ง ทำกิจวัตรประจำวันอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปรวมกับเด็กวัดที่เตรียมออกบิณฑบาตกับพระ 
          “ เป็นไงบ้างล่ะโยม  หลับสบายดีมั้ย ”
          “ ดีครับหลวงพ่อ ผมไม่เคยนอนหลับสบายแบบนี้มาก่อนเลย  และขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอ ” หลวงพ่อพยักหน้าแล้วออกเดินไป ในระหว่างเดินตามขบวนพระสงฆ์  ชายหนุ่มได้สัมผัสบรรยากาศที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมาก่อน  ผู้คนที่นี่ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยทักทายกับเขาเสมือนญาติมิตร อากาศยามเช้าสดชื่น  ลมพัดผ่านเย็นสบาย เขารู้สึกโล่งและสบายใจเป็นพิเศษ ไม่คิด ไม่วิตกกังวลใดๆ เขาได้รับความสนใจจากชาวบ้านเป็นพิเศษด้วยรูปร่างหน้าตา และเป็นคนใหม่สำหรับที่นี่   เขารู้สึกชอบที่นี่แล้วล่ะ

          หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ  เขาขออนุญาตหลวงพ่อ ออกสำรวจชุมชนทันที  หลวงพ่อให้เด็กวัดปั่นจักรยานพาไปเพราะกลัวชายหนุ่มหลงทาง
          ชายหนุ่มและเด็กชายแบงค์  ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ  ผ่านบ้านเรือนและสวนไร่นาของชาวบ้าน  ก็จะได้ยินเสียงใสๆดังขึ้น
          “แบงค์  พาใครมาล่ะ   จะพากันไปไหน  แวะดื่มน้ำเย็นๆก่อนสิ  อากาศมันร้อน  เดี๋ยวคุณเขาเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนนะ ”   สาวน้อย ส่งเสียง ทักทายมาจากกลางไร่
          “ แหม  พี่พิม เสียงใสเชียวนะ  พาน้าจอม มาชมหมู่บ้านเราครับ  น้าเขาอกหักมาจากกรุงเทพฯ  เลยมาทำใจที่บ้านเรา มาอยู่ที่วัดกับหลวงตา  น้าอยากมาเที่ยวบ้านนอก หลวงตาเลยให้พามาครับ”  เด็กชายหยุดรถเดินเข้าไปพักใต้ร่มไม้ใหญ่ ส่งเสียงตอบพร้อมอธิบายที่มาที่ไปของเขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ สาวน้อยผู้มีนามว่าพิม ปลดหน้าคลุมหน้าออก มองชายหนุ่มด้วยท่าทีขวยเขิน  และร้องเพลงทัก
          แน่ใจนะว่ามาเพื่อรักษาตัว ผู้ชายจากกรุงเทพดูน่ากลัวทุกคนสาวสาวในจังหวัดนี้ ซื่อซื่อตามไม่ทันพี่หรอกหนา
       ไม่ได้มาเพื่อลวงใครใช่ไหม
          “ ภูมิแพ้กรุงเทพฯหรือคะคุณ  สนใจคนดามใจไหมคะ   แต่คงสวยสู้สาวเมืองกรุง ไม่ได้หรอกนะคะ” 
          “ กลัวเหมือนในเพลงนี้เนาะ แบงค์  ”  หญิงสาวหันไปพูดกับเด็กน้อย
          “ ผมไม่รู้   ผมนอนนา  ถามน้าจอมเองดีกว่า ”  ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มตอบ  พอพักหายเหนื่อยทั้งสองก็พากันเดินทางไปต่อ
          “ คนที่นี่ เป็นแบบนี้แหละครับ  พูดตรงๆ มีอะไรก็ถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม  จริงใจ  เราไปต่อที่ไร่คุณลลิณ และพักกินข้าวเที่ยงที่นั่นนะครับ”
          “ กินไงล่ะแบงค์  เราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ”  เด็กชายไม่ตอบ แต่พาเขาปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ จนถึงไร่ที่หมาย
          “ถึงแล้วครับ  น้าจอม  ”
          ชายหนุ่ม มองไปรอบๆไร่ เขารู้สึกทึ่งในตัวหญิงสาวมากขึ้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำงานได้ขนาดนี้เชียวหรือ เท่าๆกับผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
          “ คนงานเยอะจังเลยนะแบงค์ ”
          “  ไม่ใช่คนงานครับน้า   เขาเรียก หุ้นส่วนทางความคิดครับ  ทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันพัฒนาชุมชนให้อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง  คุณลิณ บอกว่า จะพาชาวบ้านเดินตามรอยเท้าพ่อหลวงครับ  ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรดอกครับ คุณครูที่โรงเรียน และหลวงพ่อก็พูดเหมือนกันนี่แหละครับ”  แบงค์พาชายหนุ่มเดินชมไร่และทักทายคนในไร่ไปเรื่อยๆ
ทุกคนทักทายเขาเหมือนรู้จักกันมานาน  พร้อมชื่นชมเจ้าของไร่ให้เขาฟังอย่างไม่ขาดปาก  ทำให้เขาทึ่งเพิ่มเข้าไปอีก
          “แบงค์ ยังไม่ตอบน้าเลยนะ ว่าเราจะกินข้าวเที่ยงที่ไหน  อย่างไร ”
          “ ผมกำลังจะพาไปครับ  ไปครับไปกินข้าวเที่ยงแบบลูกทุ่งกัน ”  เด็กน้อยพาเขาเดินเลาะเก็บผัก  ผลไม้ ที่มีอยู่ไปด้วย
          “ ถึงแล้วครับ   ภัตตาคารบ้านทุ่ง ” 
          “สวัสดีครับ ป้าน้อม  นี่น้าจอมครับ  เป็นญาติหลวงพ่อมาพักอยู่ที่วัดครับ  คุณลิณและตาสินไปไหนครับ ไม่เห็นไปหาหลวงพ่อหลายวันแล้ว   ”
          “ หวัดดีจ้า แบงค์  ไหว้พระเถอะคุณ เหนื่อยหน่อยนะคุณมากับเจ้านี่  ชาติก่อนสงสัยมันเป็นลูกพระพาย  ทั้งซนทั้งพูดเป็นต่อยหอยเลย มาๆ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน ค่อยคิดว่าจะทำอะไรกินกัน ”
          “ แหม ป้าน้อม  ผมถือว่าเป็นคำชมนะนี่  แต่ไม่ต้องชมผมขนาดนั้นก็ได้  ” 
          “ เพลินดีครับป้า  แบงค์เป็นไกด์ได้ดีมากเลย  ผมได้รู้เรื่องต่างๆ มากมายเลย ”
          “หนูลิณและตาสิน ไม่อยู่ ไปในเมืองจ้า  หนูลิณไปสัมมนา เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์  เลยถือโอกาสพาตาสินไปพักผ่อนและเยี่ยมเพื่อนฝูงน่ะจ้า  อีกสองวันก็กลับแล้ว ”
          “เสียดายนะครับน้า  อดเจอคุณลิณเลย  คุณเขาสวย เก่ง  ใจดี ที่สำคัญ ยังไม่มีแฟนครับ เผื่อจะดามใจน้าได้ ”              เด็กน้อยกระซิบบอกชายหนุ่ม  เขายกมือจะเขกหัว เพราะความทะเล้นของเด็กน้อย มันช่างตรงกับใจเขาเสียจริง เขามาอยู่ที่นี่ไม่เท่าไรแต่เขาได้รู้จักลลิณ มากขึ้น  เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำ  รวมถึงสิ่งที่ทำในขณะนี้ด้วย   เขาและแบงค์กำลังทำอาหารเที่ยงจากวัตถุดิบที่แบงค์เก็บมา  มีชะอม  ชะพลู  ดอกแค  แมงลัก  ตำลึง  และอีกหลายอย่าง ที่เขารู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้าง
  
             เมื่อแบงค์เอาสิ่งที่เก็บมาให้ป้าน้อมดู  ป้าบอกว่า เมนูเที่ยงนี้ คือ  แกงแค ชายหนุ่มสงสัยจึงขอทำอาหารด้วย  ป้าบอกว่า เขาและแบงค์ต้องทำเอง  กินเอง จะได้รู้ถึงคุณค่า และความลำบากในการทำ แต่ครั้งนี้ป้าจะคอยช่วยและแนะนำก่อนเพราะมีเด็กและคนไม่เคยทำอาหาร 

          เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้เข้าครัว  มันสนุกและฉุกละหุกมากเลย เสียงในครัวดังลั่นไป จนคนในไร่หลายคนแอบมาด้อมๆมองๆดู และในที่สุด ก็ได้แกงแคปลาแห้งกับผักรวม เขารู้แล้วว่าแกงแคนั้นคล้ายๆกับแกงเลียงของภาคกลางนั่นเอง แกงร้อนๆ  กับข้าวสวยร้อนๆ ฝีมือของพวกเขาเอง อาหารแสนจะธรรมดา แต่มันอร่อยกว่าอาหารในร้านหรูๆที่เขาเคยกินเสียอีก   ป้าน้อมเหมือนจะรู้ใจว่าเขาคงจะเผ็ดจึงยกไข่เจียวมาเพิ่มให้ ตบท้ายด้วยฝรั่งหวานกรอบ ปลอดสารพิษ วันนี้เขากินคลีนจริงๆ คลีนจนเกลี้ยงทุกอย่างเลย เมื่อกินเสร็จทุกคนต้องช่วยกันทำความสะอาด และช่วยงานในไร่เป็นการตอบแทน  นี่คือกฎของคนที่นี่ มันเป็นกฎสำหรับคนในชุมชนเท่านั้น ทุกอย่างกินได้และได้กินฟรี เมื่อเก็บมาแล้วต้องกินให้หมด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวก็เป็นอีกแบบหนึ่ง และพิเศษสำหรับเด็กในชุมชนนี้ เมื่อมาที่นี่ต้องเขียนรายงานส่งคุณครูด้วย คุณครูก็จะรวบรวมและนำผลงานไปไว้ที่ห้องสมุดให้คนอื่นได้ศึกษาต่อไปและมีการลงคะแนนจากคนอ่านด้วย มีการมอบรางวัลทุกสิ้นเดือน แบงค์บอกเขาว่า  แกงแคถ้วยนี้จะต้องได้รางวัลแน่ๆเพราะยังไม่มีใครเคยทำเลย เขาและแบงค์ช่วยชาวบ้านดายหญ้า  ปลูกผัก  รดน้ำผัก  เก็บผลผลิตต่างๆเพื่อนำไปขายในตลาดของชุมชน

พวกเขาทำงานจนเย็น จึงได้พากันกับวัด ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยแต่สนุก พอถึงวัดจึงอาบน้ำ วันนี้เขาสนุกมากๆ เขาเริ่มเข้าใจความสำคัญของเงินและมิตรภาพมากขึ้น อีกสองวันเขาจะได้เจอหญิงสาวผู้จุดประกายฝันเขาเสียที เธอจะรู้บ้างไหมนะ ว่า ยังมีอีกคนที่คิดถึงและเฝ้ารอการกลับมาของเธอ เขาคิดถึงเธอจนหลับไปไม่รู้ตัว


                                                  
                                                                                                ปากหม้อ