วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๗ จุดประกาย



ตอนที่ ๗
จุดประกาย




          “น้าจอม ครับ น้าจอมๆ ตื่นยังครับ  หลวงพ่อให้มาเรียกครับ  ”  
          จอมทัพสะดุ้งตื่น พร้อมขานรับ  “ ครับ  เดี๋ยวน้าไป ”  ชายหนุ่มรีบสะบัดผ้าห่มพับเก็บอย่างรีบเร่ง ทำกิจวัตรประจำวันอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปรวมกับเด็กวัดที่เตรียมออกบิณฑบาตกับพระ 
          “ เป็นไงบ้างล่ะโยม  หลับสบายดีมั้ย ”
          “ ดีครับหลวงพ่อ ผมไม่เคยนอนหลับสบายแบบนี้มาก่อนเลย  และขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอ ” หลวงพ่อพยักหน้าแล้วออกเดินไป ในระหว่างเดินตามขบวนพระสงฆ์  ชายหนุ่มได้สัมผัสบรรยากาศที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมาก่อน  ผู้คนที่นี่ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยทักทายกับเขาเสมือนญาติมิตร อากาศยามเช้าสดชื่น  ลมพัดผ่านเย็นสบาย เขารู้สึกโล่งและสบายใจเป็นพิเศษ ไม่คิด ไม่วิตกกังวลใดๆ เขาได้รับความสนใจจากชาวบ้านเป็นพิเศษด้วยรูปร่างหน้าตา และเป็นคนใหม่สำหรับที่นี่   เขารู้สึกชอบที่นี่แล้วล่ะ

          หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ  เขาขออนุญาตหลวงพ่อ ออกสำรวจชุมชนทันที  หลวงพ่อให้เด็กวัดปั่นจักรยานพาไปเพราะกลัวชายหนุ่มหลงทาง
          ชายหนุ่มและเด็กชายแบงค์  ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ  ผ่านบ้านเรือนและสวนไร่นาของชาวบ้าน  ก็จะได้ยินเสียงใสๆดังขึ้น
          “แบงค์  พาใครมาล่ะ   จะพากันไปไหน  แวะดื่มน้ำเย็นๆก่อนสิ  อากาศมันร้อน  เดี๋ยวคุณเขาเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนนะ ”   สาวน้อย ส่งเสียง ทักทายมาจากกลางไร่
          “ แหม  พี่พิม เสียงใสเชียวนะ  พาน้าจอม มาชมหมู่บ้านเราครับ  น้าเขาอกหักมาจากกรุงเทพฯ  เลยมาทำใจที่บ้านเรา มาอยู่ที่วัดกับหลวงตา  น้าอยากมาเที่ยวบ้านนอก หลวงตาเลยให้พามาครับ”  เด็กชายหยุดรถเดินเข้าไปพักใต้ร่มไม้ใหญ่ ส่งเสียงตอบพร้อมอธิบายที่มาที่ไปของเขาเรียบร้อยเสร็จสรรพ สาวน้อยผู้มีนามว่าพิม ปลดหน้าคลุมหน้าออก มองชายหนุ่มด้วยท่าทีขวยเขิน  และร้องเพลงทัก
          แน่ใจนะว่ามาเพื่อรักษาตัว ผู้ชายจากกรุงเทพดูน่ากลัวทุกคนสาวสาวในจังหวัดนี้ ซื่อซื่อตามไม่ทันพี่หรอกหนา
       ไม่ได้มาเพื่อลวงใครใช่ไหม
          “ ภูมิแพ้กรุงเทพฯหรือคะคุณ  สนใจคนดามใจไหมคะ   แต่คงสวยสู้สาวเมืองกรุง ไม่ได้หรอกนะคะ” 
          “ กลัวเหมือนในเพลงนี้เนาะ แบงค์  ”  หญิงสาวหันไปพูดกับเด็กน้อย
          “ ผมไม่รู้   ผมนอนนา  ถามน้าจอมเองดีกว่า ”  ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มตอบ  พอพักหายเหนื่อยทั้งสองก็พากันเดินทางไปต่อ
          “ คนที่นี่ เป็นแบบนี้แหละครับ  พูดตรงๆ มีอะไรก็ถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม  จริงใจ  เราไปต่อที่ไร่คุณลลิณ และพักกินข้าวเที่ยงที่นั่นนะครับ”
          “ กินไงล่ะแบงค์  เราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ”  เด็กชายไม่ตอบ แต่พาเขาปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ จนถึงไร่ที่หมาย
          “ถึงแล้วครับ  น้าจอม  ”
          ชายหนุ่ม มองไปรอบๆไร่ เขารู้สึกทึ่งในตัวหญิงสาวมากขึ้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำงานได้ขนาดนี้เชียวหรือ เท่าๆกับผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
          “ คนงานเยอะจังเลยนะแบงค์ ”
          “  ไม่ใช่คนงานครับน้า   เขาเรียก หุ้นส่วนทางความคิดครับ  ทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันพัฒนาชุมชนให้อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง  คุณลิณ บอกว่า จะพาชาวบ้านเดินตามรอยเท้าพ่อหลวงครับ  ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรดอกครับ คุณครูที่โรงเรียน และหลวงพ่อก็พูดเหมือนกันนี่แหละครับ”  แบงค์พาชายหนุ่มเดินชมไร่และทักทายคนในไร่ไปเรื่อยๆ
ทุกคนทักทายเขาเหมือนรู้จักกันมานาน  พร้อมชื่นชมเจ้าของไร่ให้เขาฟังอย่างไม่ขาดปาก  ทำให้เขาทึ่งเพิ่มเข้าไปอีก
          “แบงค์ ยังไม่ตอบน้าเลยนะ ว่าเราจะกินข้าวเที่ยงที่ไหน  อย่างไร ”
          “ ผมกำลังจะพาไปครับ  ไปครับไปกินข้าวเที่ยงแบบลูกทุ่งกัน ”  เด็กน้อยพาเขาเดินเลาะเก็บผัก  ผลไม้ ที่มีอยู่ไปด้วย
          “ ถึงแล้วครับ   ภัตตาคารบ้านทุ่ง ” 
          “สวัสดีครับ ป้าน้อม  นี่น้าจอมครับ  เป็นญาติหลวงพ่อมาพักอยู่ที่วัดครับ  คุณลิณและตาสินไปไหนครับ ไม่เห็นไปหาหลวงพ่อหลายวันแล้ว   ”
          “ หวัดดีจ้า แบงค์  ไหว้พระเถอะคุณ เหนื่อยหน่อยนะคุณมากับเจ้านี่  ชาติก่อนสงสัยมันเป็นลูกพระพาย  ทั้งซนทั้งพูดเป็นต่อยหอยเลย มาๆ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน ค่อยคิดว่าจะทำอะไรกินกัน ”
          “ แหม ป้าน้อม  ผมถือว่าเป็นคำชมนะนี่  แต่ไม่ต้องชมผมขนาดนั้นก็ได้  ” 
          “ เพลินดีครับป้า  แบงค์เป็นไกด์ได้ดีมากเลย  ผมได้รู้เรื่องต่างๆ มากมายเลย ”
          “หนูลิณและตาสิน ไม่อยู่ ไปในเมืองจ้า  หนูลิณไปสัมมนา เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์  เลยถือโอกาสพาตาสินไปพักผ่อนและเยี่ยมเพื่อนฝูงน่ะจ้า  อีกสองวันก็กลับแล้ว ”
          “เสียดายนะครับน้า  อดเจอคุณลิณเลย  คุณเขาสวย เก่ง  ใจดี ที่สำคัญ ยังไม่มีแฟนครับ เผื่อจะดามใจน้าได้ ”              เด็กน้อยกระซิบบอกชายหนุ่ม  เขายกมือจะเขกหัว เพราะความทะเล้นของเด็กน้อย มันช่างตรงกับใจเขาเสียจริง เขามาอยู่ที่นี่ไม่เท่าไรแต่เขาได้รู้จักลลิณ มากขึ้น  เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำ  รวมถึงสิ่งที่ทำในขณะนี้ด้วย   เขาและแบงค์กำลังทำอาหารเที่ยงจากวัตถุดิบที่แบงค์เก็บมา  มีชะอม  ชะพลู  ดอกแค  แมงลัก  ตำลึง  และอีกหลายอย่าง ที่เขารู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้าง
  
             เมื่อแบงค์เอาสิ่งที่เก็บมาให้ป้าน้อมดู  ป้าบอกว่า เมนูเที่ยงนี้ คือ  แกงแค ชายหนุ่มสงสัยจึงขอทำอาหารด้วย  ป้าบอกว่า เขาและแบงค์ต้องทำเอง  กินเอง จะได้รู้ถึงคุณค่า และความลำบากในการทำ แต่ครั้งนี้ป้าจะคอยช่วยและแนะนำก่อนเพราะมีเด็กและคนไม่เคยทำอาหาร 

          เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้เข้าครัว  มันสนุกและฉุกละหุกมากเลย เสียงในครัวดังลั่นไป จนคนในไร่หลายคนแอบมาด้อมๆมองๆดู และในที่สุด ก็ได้แกงแคปลาแห้งกับผักรวม เขารู้แล้วว่าแกงแคนั้นคล้ายๆกับแกงเลียงของภาคกลางนั่นเอง แกงร้อนๆ  กับข้าวสวยร้อนๆ ฝีมือของพวกเขาเอง อาหารแสนจะธรรมดา แต่มันอร่อยกว่าอาหารในร้านหรูๆที่เขาเคยกินเสียอีก   ป้าน้อมเหมือนจะรู้ใจว่าเขาคงจะเผ็ดจึงยกไข่เจียวมาเพิ่มให้ ตบท้ายด้วยฝรั่งหวานกรอบ ปลอดสารพิษ วันนี้เขากินคลีนจริงๆ คลีนจนเกลี้ยงทุกอย่างเลย เมื่อกินเสร็จทุกคนต้องช่วยกันทำความสะอาด และช่วยงานในไร่เป็นการตอบแทน  นี่คือกฎของคนที่นี่ มันเป็นกฎสำหรับคนในชุมชนเท่านั้น ทุกอย่างกินได้และได้กินฟรี เมื่อเก็บมาแล้วต้องกินให้หมด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวก็เป็นอีกแบบหนึ่ง และพิเศษสำหรับเด็กในชุมชนนี้ เมื่อมาที่นี่ต้องเขียนรายงานส่งคุณครูด้วย คุณครูก็จะรวบรวมและนำผลงานไปไว้ที่ห้องสมุดให้คนอื่นได้ศึกษาต่อไปและมีการลงคะแนนจากคนอ่านด้วย มีการมอบรางวัลทุกสิ้นเดือน แบงค์บอกเขาว่า  แกงแคถ้วยนี้จะต้องได้รางวัลแน่ๆเพราะยังไม่มีใครเคยทำเลย เขาและแบงค์ช่วยชาวบ้านดายหญ้า  ปลูกผัก  รดน้ำผัก  เก็บผลผลิตต่างๆเพื่อนำไปขายในตลาดของชุมชน

พวกเขาทำงานจนเย็น จึงได้พากันกับวัด ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว เหนื่อยแต่สนุก พอถึงวัดจึงอาบน้ำ วันนี้เขาสนุกมากๆ เขาเริ่มเข้าใจความสำคัญของเงินและมิตรภาพมากขึ้น อีกสองวันเขาจะได้เจอหญิงสาวผู้จุดประกายฝันเขาเสียที เธอจะรู้บ้างไหมนะ ว่า ยังมีอีกคนที่คิดถึงและเฝ้ารอการกลับมาของเธอ เขาคิดถึงเธอจนหลับไปไม่รู้ตัว


                                                  
                                                                                                ปากหม้อ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น