วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๖ ตะวันอับแสง


ตอนที่ ๖
ตะวันอับแสง




เศรษฐกิจโลกพ่นพิษ   รวิญญ์กรุ๊ป   ล้มทั้งยืน

        เมื่อเงินจาง  นางก็จรจากไป  งานวิวาห์อันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนรอคอย  ถูกยกเลิกไปอย่างไม่เป็นท่า

  ผู้บริหาร รวิญญ์กรุ๊ป  ทนพิษบาดแผลทางเศรษฐกิจไม่ไหว  หลบลี้หนีหายไปจากสังคมอย่างไร้ร่องรอย

     
        จอมทัพนั่งอ่านข่าวของตัวเองที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ไม่เว้นแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์บันเทิง บนม้านั่งในบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง ชายหนุ่มคิดถึงภาพในอดีตเมื่อเขาย่างกรายผ่านที่ใด ทุกคนในที่นั้นจะรีบวิ่งเข้ามาทักทาย ต้อนรับ  จัดหาให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หญิงสาวสวย รายล้อมเข้ามาเพื่อทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กับเขา แต่ตอนนี้  แม้แต่หญิงสาวกลางคืนที่เดินผ่านไปมายังเดินผ่านไปอย่างไม่เหลียวแลเพียงเพราะเขาแต่งตัวด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์   รองเท้าผ้าใบ  และสะพายเป้ติดตัวเพียงใบเดียว ทุกคนในสถานที่นี้  ไม่มีใครรู้จักเขา ไม่มีเสียงสนทนาเกี่ยวกับธุรกิจ  ไม่มีใครพูดถึงสังคมไฮโซ   ไม่มีงานกาล่าดินเนอร์ เขาสังเกตการณ์ใช้ชีวิตของคนที่นี่  ทุกคนพูดคุยถึงเรื่องราวสถานที่ ที่พวกเขากำลังจะไป  พูดถึงความอบอุ่น ความรักที่กำลังรอการกลับไปของพวกเขา   ฟังดูแล้วช่างน่ามีความสุขจริงๆ ผู้คนถือข้าวเหนียว  หมูปิ้ง  ไก่ย่าง  กินกันอย่างมีความสุขและที่สำคัญทุกคนมีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังทุกอย่างตรงข้ามกับเขา เขาเดินทางอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีคนมาส่ง  ไม่มีเพื่อนคุย และไม่รู้ว่าที่เขาจะไปนั้น จะเป็นอย่างไร  เขาแทบไม่มีความหวังใดๆเลย เงินเพียงเล็กน้อยในกระเป๋าจะช่วยต่อลมหายใจให้เขาได้นานแค่ไหน
 
ระหว่างที่เขานั่งคิดอยู่นั้นนายสถานีก็ประกาศเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นรถ ชายหนุ่มเดินขึ้นรถและเลือกที่นั่งข้างหน้าต่าง เพื่อที่จะได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางเพื่อบรรเทาความทุกข์ในใจ 

          รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ แวะรับผู้โดยสารในแต่ละสถานี  มีผู้โดยสารคนหนึ่งขึ้นมานั่งตรงข้ามกับเขา เขาไม่สนใจกับสิ่งใด สายตายังเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เริ่มมาเยือนเขาอีกครั้งเขานั่งนิ่งๆ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้สึกตัวเขาไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งนั่งมองเขาอยู่ เวลาผ่านไปนานเท่าไรเขาไม่รู้  รถไฟจอดพักให้ผู้โดยสารรับประทานอาหารและทำภารกิจส่วนตัว เขาหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้  เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ใด  อยู่ส่วนไหนของประเทศ

          “ ทานข้าวไหมพ่อหนุ่ม  ลุงซื้อมาเผื่อ ”  เสียงพูดดังขึ้นพร้อมกับมีมือหนึ่งยื่นข้าวกล่องพร้อมกับน้ำให้เขา
          “ ขอบคุณครับ  แต่ไม่เป็นไรครับ  ”
          “ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า  เอาไปเถอะ  ลุงเห็นคุณไม่ได้กินอะไร มาตั้งแต่ลุงขึ้นมาแล้ว ”  เขาอึ้งไปนิดหนึ่งพร้อมกับรับน้ำใจจากคุณลุงแปลกหน้าคนนั้น
          “ กินได้เลยนะ  ไม่ต้องกลัวหรอก  ลุงไม่วางยาคุณหรอก  ”  คุณลุงพูดพร้อมกับยิ้มให้เขานิดหนึ่ง เหมือนจะรู้ทันความคิดของเขา แล้วลุงก็พูดต่อไปว่า  
           “ อาการน่าจะหนักอยู่นะพ่อหนุ่มโดนพิษอะไรมาล่ะคงหนักเอาการสินะ ”
          “อาการผมมันฟ้องขนาดนั้นเลยหรือครับ”
          “ใช่สิ  คงไม่มีชายอกสามศอกคนไหน นอนน้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวดอก อาการนี้ลุงก็เคยเป็นนะ ”
          “  ลุง โดนพิษอะไรล่ะครับ ”
          “ พิษความจนยังไงล่ะพ่อหนุ่ม ความจนมันน่ากลัวน่ะ แต่มันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ถ้าเรามีสติ  เพราะความจน ทำให้ลุงต้องพัดพรากจากคนรักแต่ลุงก็เข้าใจพ่อแม่เขานะ คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกสาวตนเองได้กับคนยากจน  แต่ความยากจนนี้ล่ะจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักแท้ของเรา แล้วพ่อหนุ่มล่ะ ยังไม่ตอบลุงเลย ว่าโดนพิษอะไรมา ถ้าให้ลุงเดา    ก็คงเดาไม่ถูกหรอกนะ เพราะทุกวันนี้ มลพิษทางสังคมมันมากเหลือเกิน แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบลุงก็ได้ ”

          ชายหนุ่มเปิดเปลือกตามองเพื่อนร่วมทางอย่างเต็มตา เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจความอบอุ่นที่เขาหาได้น้อยมากจากสังคมที่เขาจากมา จอมทัพตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาเพียงบางส่วนให้ลุงฟังว่าเขาตกงาน บริษัทขาดทุน จึงต้องปลดพนักงานออก  หญิงสาวคนรักบอกเลิกงานแต่งงาน เขาจึงเดินทางเพื่อไปรักษาแผลในใจ  
          “ เรื่องเล็กๆน่ะพ่อหนุ่ม บนวิกฤติยังมีโอกาสที่ดีทำให้เราได้รู้จักธาตุแท้ของคน ดีแล้วล่ะ ที่เลิกกันก่อน ดีกว่าอยู่กันไปแล้วเลิกรากันทีหลัง  ลุงล่ะสงสารแต่คนในข่าว เขาคงลำบากน่าดู  คนไม่เคยจน  พอจนก็ไม่เหลืออะไรเลย  เราก็แค่กลับมาจนอีกครั้งหนึ่งแค่นั้นเอง ” 

เมื่อได้พูดคุยสนทนา ทำให้คลายความทุกข์ในใจไปได้บ้าง  การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเสียทีเดียว เขายังได้พบมิตรภาพและความจริงใจอันสวยงามอยู่บ้าง  คุณลุงเพื่อนร่วมทางหลับไป เขาจึงได้อยู่กลับตัวเองอีกครั้ง  เขาคิดถึงลลิณ  คิดถึงคำพูดของเธอ เธอต้อนรับเขาเสมอในฐานะเพื่อนร่วมโลก มันจุดประกายความหวังเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขาสัญญากับตัวเองว่าอนาคตต่อไปข้างหน้าจะเจออะไรเขาต้องอดทนและเอาชนะมันให้ได้ แล้วเขาก็หลับไป เขาฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันมากมายเหลือเกิน ทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป   เขาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เมื่อนายสถานีประกาศว่ารถไฟขบวนนี้ได้นำทุกท่านมาสู่จุดมุ่งหมายปลายทางอย่างสวัสดิภาพและขอให้ผู้โดยสารทุกท่านจงประสพพบเจอแต่ความสุข ความสมหวัง ตลอดไป 
          “  โชคดีนะพ่อหนุ่ม ”
          “ ขอบคุณครับ  เช่นกันนะครับลุง ” 

          ก่อนเดินทาง จอมทัพได้สอบถามเส้นทางไปบ้านลลิณมาเรียบร้อย เขาจึงเดินทางต่อไปที่บ้านของหญิงสาวโดยรถสองแถว  ธรรมชาติสองข้างทางยังสวยงามผู้คนสนทนาซักถามกันเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน เขาบอกจุดหมายปลายทางที่จะไป 
          “จะไปพัก ชื่นชมธรรมชาติที่นั่นหรือคุณ บรรยากาศเขาดีมากเลยนะ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะเลย เจ้าของบ้านก็น่ารัก เขาไม่เน้นเรื่องเงินนะ แล้วแต่ความพอใจของลูกค้า เก่งจริงๆเลยนะผู้หญิงตัวนิดเดียวที่สำคัญนะสวยด้วย สวยทั้งกายทั้งใจเลย ถ้าฉันมีลูกชายนะฉันจองเป็นลูกสะใภ้แน่ๆเลยคุณ ”  ชายหนุ่มยิ้มให้คนพูด เมื่อถึงปลายทางชายหนุ่มเข้าไปขออาศัยอยู่ที่วัด
 “ ไปไง มาไงล่ะโยม มาจากไหนล่ะ หนีอะไรมารึเปล่าดูจากหน้าตาและผิวพรรณแล้วไม่น่าจะใช่คนแถวนี้”
หลวงพ่อถามหลังจากที่ชายหนุ่มก้มกราบเสร็จและแจ้งความประสงค์กับหลวงพ่อว่าจะมาขอพักในวัดสักระยะหนึ่ง
          “ ผมชื่อจอมทัพ มาจากกรุงเทพครับ ผมตกงานและอกหัก  จึงต้องการมาหาที่พักใจสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะตั้งตัวสู้ใหม่อีกครั้งครับ  และผมขอรับรองว่าผมไม่ได้หนีคดี  หรือหนีความผิดทางกฎหมายใดๆทั้งสิ้นครับ  และผมก็จะขอทำหน้าที่เหมือนเด็กวัดทั่วไป  ครับ ”
          “งั้นก็อยู่ด้วยกันที่นี่ไปก่อนก็แล้วกันน่ะ มันอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนในที่ที่คุณจากมานะโยม ที่นี่บ้านนอก อาหารการกินก็แบบบ้านๆ  คนหนีร้อนมาพึ่งเย็นก็ต้องช่วยเหลือกันไปนะโยมสิน ”  หลวงพ่อหันไปพูดกับคนชื่อสิน
“ ครับหลวงพ่อ  มีอะไรก็ช่วยๆกันไป  เราคนไทยด้วยกัน  ฝรั่งมังค่าผ่านมาเรายังช่วยเหลือ  แล้วทำไมเราจะช่วยคนไทยด้วยกันไม่ได้ล่ะ หลวงพ่อ ”
“ ขอบคุณครับ ”
แล้วหลวงพ่อก็ให้คนพาเขาไปยังที่พัก  เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่า เงินอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาโหยหา หรือต้องการมากที่สุดแล้ว หรือว่า คำพูดของลลิณจะเป็นจริง  “ เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต ”  เขาเริ่มชอบบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนที่นี่เสียแล้ว  หรือนี่คือสิ่งที่เขาต้องการและพยายามไขว่คว้าหามาตลอด 




                                                                                                ปากหม้อ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น