วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปากหม้อ (นามปากกา) นวนิยาย เรื่อง ตะวันในม่านเมฆ ตอนที่ ๘ น้ำใจ

                                                               
                                                       ตอนที่ ๘
            น้ำใจ
                                                                


หลังจากเสร็จภารกิจประจำวันแล้ว จอมทัพไปสนทนากับหลวงพ่อและขออนุญาตไปทำงานที่ไร่ของลลิณ
“ เป็นไงบ้างโยม  เมื่อวาน เจ้าลิงแบงค์ พาไปไหนมาบ้างล่ะ  ”
“ พาไปหลายที่เลยครับ  เกือบรอบหมู่บ้านเลยครับ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากและเริ่มชอบทีนี่แล้วล่ะครับหลวงพ่อ ชอบบรรยากาศ ชอบมิตรภาพของคนที่นี่  ผมมีความคิดอยากทำกิจการเล็กๆ ที่ช่วยต่อยอดกิจกรรมของชุมชนที่นี่น่ะครับ  ผมขอเวลาคิดพิจารณาก่อนแล้วจะขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากหลวงพ่อนะครับ  ”
“ ได้สิโยม ขอเพียงให้มันเกิดประโยชน์กับชุมชนก็พอแล้ว แล้ววันนี้จะไปไหนต่อล่ะ ”
“ จะไปสำรวจหมู่บ้านต่อครับ  ยังมีหลายที่ ที่แบงค์บอกว่ายังไม่ได้ไปครับ ผมขออนุญาตลาหลวงพ่อเลยนะครับ สงสัยแบงค์จะรอนานแล้วครับ”
“ ไปเถอะ เดี๋ยวสายแดดจะร้อน อาตมามองดูแล้วเหมือนโยม อาการ จะไม่ค่อยดีนะ  ”
นิดหน่อยครับหลวงพ่อ  ผมยังไหว ผมกลัวหมดเวลา  หมดอายุ ก่อนที่จะได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เหมือนที่หลวงพ่อว่า  ผมไปล่ะครับ”  ชายหนุ่มก้มกราบและรีบไปหาแบงค์
“ น้าจอมช้าจัง  วันนี้ไปไกลหน่อยนะครับ  แต่ไปถึงแล้วน้าจอมจะร้องว้าวเลยแหละ ”
“ ขอโทษที่น้ามัวแต่คุยกับหลวงพ่ออยู่ พร้อมแล้ว ไปกันเลย ”
สองคนพากันปั่นจักรยานเลาะเรื่อย ผ่านหมู่บ้านเลยไปยังป่าท้ายหมู่บ้าน  บรรยากาศร่มรื่น  เสียงนกร้องฟังเหมือนเสียงเพลงไพเราะ ท่วงทำนองสบายๆฟังรื่นหู ชวนฝัน  แบงค์ปั่นจักรยานช้าๆ  พาชายหนุ่มแวะพักไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน
“ น้าจอม ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ  ”  ชายหนุ่มเงี่ยหูฟัง 
“ เสียงเหมือนน้ำตก  ใช่ไหมแบงค์ ”
“ ถูกต้องแล้วครับ ”  เด็กชายทำท่าเลียนแบบพิธีกรดังของโทรทัศน์ช่องหนึ่ง  ชายหนุ่มหัวเราะท่าทางของเด็กชาย แล้วทั้งสองก็เริ่มปั่นจักรยานร้องเพลง  แบงค์ร้องเพลงลูกทุ่ง  ชายหนุ่มร้องเพลงสตริง มุ่งตรงไปยังที่มาของเสียงนั้นอย่างสนุกสนานครื้นเครง
“ ว้าวๆๆๆ มหัศจรรย์ยังเหลือธรรมชาติแบบนี้อยู่อีกหรือนี่ ”  จอมทัพอุทานอย่างเหลือเชื่อและแปลกใจ ทำไมคนที่นี่รักษาสภาพแวดล้อมได้ดีจังเลย  ชายหนุ่มและแบงค์ลงเล่นน้ำอย่างมีความสุข  ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายน้ำคิดถึงลลิณ  ถ้ามีเธออยู่ด้วยตรงนี้คงจะมีความสุขมากกว่านี้ 

คนทั้งสองใช้เวลาในการดื่มด่ำธรรมชาติอันสวยงามและความเย็นฉ่ำของสายน้ำจนเกือบเที่ยงจึงพากันขึ้นจากน้ำและปั่นจักรยานกลับไปไร่ลลิณเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และช่วยงานจนถึงค่ำจึงได้กลับวัด

วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มมาช่วยงานในไร่ทั้งวัน ชาวบ้านสงสารจึงให้เขาไปช่วยงานโฮมเสตย์  แต่ชายหนุ่มอ้างว่าเขาชอบงานกลางแจ้ง ซึ่งที่จริงแล้วเขากลัวเจอคนที่เคยรู้จักมากกว่า  เขายังไม่พร้อมที่จะให้ใครเจอหน้าเขาในตอนนี้ชิวิตของเขาจึงวนเวียนอยู่ในไร่กับวัด   วันนี้ลลิณมาทำงานที่ไร่ 
“ ป้าน้อม  ระหว่างที่ลิณไม่อยู่ มีปัญหาอะไรไหมคะ ”
“ ไม่มีจ้า ทุกอย่างปกติ เออเกือบลืมไป มีคนมาขอทำงานที่ไร่ด้วย เขาไม่รับค่าแรง ขอแค่อาหารกลางวัน  ชื่อจอม เป็นญาติหลวงพ่อพึ่งโดนสาวหักอก และตกงานมาจากกรุงเทพ ฯ ” 
“ ออ  ตกงานมาจากกรุงเทพฯ แล้วทำงานกลางแดดได้หรือป้า ”
หญิงสาวคิดถึงผู้ชายอีกคนที่เคยรู้จัก หรือจะเป็นคนเดียวกัน  ฉัตรชัยส่งข่าวว่า ธุรกิจ เขาล้มละลาย คนรักก็ทิ้ง เขาหลบหน้าหนีหายไปจากวงสังคมไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน                 
           “ หรือว่าจะเป็นคุณจอมทัพ ”
“ ว่าไง นะหนูลิณ  ”
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า ดูแลเขาหน่อยนะป้า คนกรุงเทพฯ บอบบางนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปจะลำบากแล้วตอนเย็นๆหนูจะมาดูคนกรุงเทพฯนะคะหนูไปดูแลแขกที่จะมาพักที่โฮมเสตย์ของเราก่อนค่ะ”  
       เวลาเย็นๆ ลลิณพานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไร่ และเก็บวัตถุดิบต่างๆไปประกอบอาหารเย็นเธอปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเก็บผัก ผลไม้อย่างอิสระและถือโอกาสไปพูดคุยซักถามสารทุกข์สุกดิบกับชาวบ้านที่ทำงานในไร่
“คุณลิณมาแล้ว  สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คุณลิณมาถึงเมื่อไรค่ะ  ได้อะไรใหม่ๆมาเยอะไหม ” เสียงร้องถามเซ็งแซ่ไปหมด  จอมทัพสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว 
“ สวัสดีค่ะ  ทุกๆคนเป็นอย่างไรกันบ้าง  มีอะไรใหม่ๆ มาฝากทุกคนเยอะเลยจ้า  เราค่อยประชุมวางแผนกันนะ เห็นป้าน้อมบอกว่าเรามีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม วันนี้มาไหมคะ  ลิณอยากรู้จักจะได้สอบถามด้วยว่าขาดเหลืออะไรไหม ”
“ อยู่ทางแปลงผักกาดหอมโน่นแหนะจ้าหนูลิณ  ”
“ เครจ้า เดี๋ยวลิณเดินไปหาเขาเอง ” หญิงสาวเดินไปหาสมาชิกใหม่ ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวเดินใกล้เข้ามา ใจเขาเต้นรัวอย่างกับตีกลอง เธอจะจำเขาได้ไหมนะ  จะทำไงดีล่ะ 
“ สวัสดีจ้า  เป็นไงบ้าง งานหนักไปไหน  เห็นว่ามาจากกรุงเทพฯ ” ยิ่งได้ยินเสียงหญิงสาวใจยิ่งสั่นระรัวกว่าเดิม
“ สะสะหวัดดีครับ  ทำได้ครับ  ” 
“ ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้น ไม่สบายรึเปล่า ”  หญิงสาวเดินเข้าไปหา  และก้มมองหน้าชายหนุ่มใกล้ๆ
“ คุณจอมทัพ ” หญิงสาว ร้องทัก “ ทำไมไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนฉันล่ะคะแล้วทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า ”  ชายหนุ่มไม่ทันตอบก็เป็นลมล้มพับไป หญิงสาวรีบเข้าไปพยุงเขาไปนั่งพักในร่มพร้อมกับเรียกคนงานมาช่วยนำเขาไปที่รถ  เธอพาเขาไปส่งโรงพยาบาล  หมอบอกว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ ยิ่งร่างกายอ่อนแอยิ่งทำให้อาการหนักมากขึ้น  ชายหนุ่มนอนไม่รู้สึกตัวไปหนึ่งคืนเต็มๆ ประกอบกับหมอให้ยานอนหลับเพื่อให้เขาได้พักผ่อนด้วย เมื่อตื่นขึ้นมาเขามองเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่บนโซฟา  เขาต้องการเข้าห้องน้ำ แต่เกรงใจเธอจึงไม่ปลุก พอเขาออกจากห้องน้ำ เธอก็ตื่นแล้ว
“ ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ  ถ้าเป็นไรไปในห้องน้ำฉันจะรู้สึกบาปแน่เลย ” หญิงสาวลุกไปประคองเขามาที่เตียง
“ ขอบคุณครับ  ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ  ”
“ ทำไมคุณไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนกับฉันล่ะคะ ”
“ ผมไม่อยากให้ทุกคนลำบากใจนะครับ และผมอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่า ผมจะอยู่ได้ไหม ถ้าไม่มีเงิน ”
“ แต่ตอนนี้คุณต้องฟังและปฏิบัติตามฉัน คุณต้องย้ายออกมาจากวัดมาพักที่บ้านของฉัน  รักษาตัวจนหายขาดก่อน  คุณได้ทำงานต่อแน่ๆ  รับรองเลยว่าฉันจะใช้งานคุณให้พอกับที่คุณพักแน่นนอน ”

ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้านของหญิงสาว เมื่อออกจากโรงพยาบาล ลลิณให้เหตุผลกับทุกคนว่า ทุกคนที่ทำงานกับเธอเปรียบเสมือนญาติ เมื่อไม่สบายต้องดูแลกัน  และเพื่อง่ายต่อการดูแลจึงจำเป็นต้องให้ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้าน เมื่อชายหนุ่มทำตามที่เธอบอก  เขาก็ขอร้องเธอว่าอย่าบอกทุกคนว่าเขาเป็นใคร  ให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงคนงานคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้ใครใครหาเธอได้  หญิงสาวยินยอมและดูแลเขาอย่างดีจนเขาหายเป็นปรกติดี จากความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้น 


                                                                                               ปากหม้อ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น