ตอนที่ ๘
น้ำใจ
หลังจากเสร็จภารกิจประจำวันแล้ว
จอมทัพไปสนทนากับหลวงพ่อและขออนุญาตไปทำงานที่ไร่ของลลิณ
“
เป็นไงบ้างโยม เมื่อวาน เจ้าลิงแบงค์
พาไปไหนมาบ้างล่ะ ”
“
พาไปหลายที่เลยครับ เกือบรอบหมู่บ้านเลยครับ
ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากและเริ่มชอบทีนี่แล้วล่ะครับหลวงพ่อ ชอบบรรยากาศ
ชอบมิตรภาพของคนที่นี่ ผมมีความคิดอยากทำกิจการเล็กๆ
ที่ช่วยต่อยอดกิจกรรมของชุมชนที่นี่น่ะครับ
ผมขอเวลาคิดพิจารณาก่อนแล้วจะขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากหลวงพ่อนะครับ ”
“ ได้สิโยม
ขอเพียงให้มันเกิดประโยชน์กับชุมชนก็พอแล้ว แล้ววันนี้จะไปไหนต่อล่ะ ”
“
จะไปสำรวจหมู่บ้านต่อครับ ยังมีหลายที่
ที่แบงค์บอกว่ายังไม่ได้ไปครับ ผมขออนุญาตลาหลวงพ่อเลยนะครับ สงสัยแบงค์จะรอนานแล้วครับ”
“ ไปเถอะ เดี๋ยวสายแดดจะร้อน
อาตมามองดูแล้วเหมือนโยม อาการ จะไม่ค่อยดีนะ
”
“ นิดหน่อยครับหลวงพ่อ ผมยังไหว ผมกลัวหมดเวลา หมดอายุ ก่อนที่จะได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
เหมือนที่หลวงพ่อว่า ผมไปล่ะครับ” ชายหนุ่มก้มกราบและรีบไปหาแบงค์
“ น้าจอมช้าจัง วันนี้ไปไกลหน่อยนะครับ แต่ไปถึงแล้วน้าจอมจะร้องว้าวเลยแหละ ”
“ ขอโทษที่น้ามัวแต่คุยกับหลวงพ่ออยู่
พร้อมแล้ว ไปกันเลย ”
สองคนพากันปั่นจักรยานเลาะเรื่อย
ผ่านหมู่บ้านเลยไปยังป่าท้ายหมู่บ้าน
บรรยากาศร่มรื่น เสียงนกร้องฟังเหมือนเสียงเพลงไพเราะ
ท่วงทำนองสบายๆฟังรื่นหู ชวนฝัน
แบงค์ปั่นจักรยานช้าๆ
พาชายหนุ่มแวะพักไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน
“ น้าจอม ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ ” ชายหนุ่มเงี่ยหูฟัง
“ เสียงเหมือนน้ำตก ใช่ไหมแบงค์ ”
“
ถูกต้องแล้วครับ ”
เด็กชายทำท่าเลียนแบบพิธีกรดังของโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ชายหนุ่มหัวเราะท่าทางของเด็กชาย
แล้วทั้งสองก็เริ่มปั่นจักรยานร้องเพลง
แบงค์ร้องเพลงลูกทุ่ง ชายหนุ่มร้องเพลงสตริง
มุ่งตรงไปยังที่มาของเสียงนั้นอย่างสนุกสนานครื้นเครง
“ ว้าวๆๆๆ มหัศจรรย์ยังเหลือธรรมชาติแบบนี้อยู่อีกหรือนี่
” จอมทัพอุทานอย่างเหลือเชื่อและแปลกใจ
ทำไมคนที่นี่รักษาสภาพแวดล้อมได้ดีจังเลย
ชายหนุ่มและแบงค์ลงเล่นน้ำอย่างมีความสุข
ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายน้ำคิดถึงลลิณ
ถ้ามีเธออยู่ด้วยตรงนี้คงจะมีความสุขมากกว่านี้
คนทั้งสองใช้เวลาในการดื่มด่ำธรรมชาติอันสวยงามและความเย็นฉ่ำของสายน้ำจนเกือบเที่ยงจึงพากันขึ้นจากน้ำและปั่นจักรยานกลับไปไร่ลลิณเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
และช่วยงานจนถึงค่ำจึงได้กลับวัด
วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มมาช่วยงานในไร่ทั้งวัน
ชาวบ้านสงสารจึงให้เขาไปช่วยงานโฮมเสตย์
แต่ชายหนุ่มอ้างว่าเขาชอบงานกลางแจ้ง
ซึ่งที่จริงแล้วเขากลัวเจอคนที่เคยรู้จักมากกว่า
เขายังไม่พร้อมที่จะให้ใครเจอหน้าเขาในตอนนี้ชิวิตของเขาจึงวนเวียนอยู่ในไร่กับวัด วันนี้ลลิณมาทำงานที่ไร่
“ ป้าน้อม ระหว่างที่ลิณไม่อยู่ มีปัญหาอะไรไหมคะ ”
“ ไม่มีจ้า
ทุกอย่างปกติ เออเกือบลืมไป มีคนมาขอทำงานที่ไร่ด้วย เขาไม่รับค่าแรง
ขอแค่อาหารกลางวัน ชื่อจอม เป็นญาติหลวงพ่อพึ่งโดนสาวหักอก
และตกงานมาจากกรุงเทพ ฯ ”
“ ออ ตกงานมาจากกรุงเทพฯ แล้วทำงานกลางแดดได้หรือป้า
”
หญิงสาวคิดถึงผู้ชายอีกคนที่เคยรู้จัก
หรือจะเป็นคนเดียวกัน ฉัตรชัยส่งข่าวว่า
ธุรกิจ เขาล้มละลาย คนรักก็ทิ้ง เขาหลบหน้าหนีหายไปจากวงสังคมไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
“
หรือว่าจะเป็นคุณจอมทัพ ”
“ ว่าไง
นะหนูลิณ ”
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า
ดูแลเขาหน่อยนะป้า คนกรุงเทพฯ บอบบางนะ
เดี๋ยวเป็นอะไรไปจะลำบากแล้วตอนเย็นๆหนูจะมาดูคนกรุงเทพฯนะคะหนูไปดูแลแขกที่จะมาพักที่โฮมเสตย์ของเราก่อนค่ะ”
เวลาเย็นๆ ลลิณพานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไร่ และเก็บวัตถุดิบต่างๆไปประกอบอาหารเย็นเธอปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเก็บผัก ผลไม้อย่างอิสระและถือโอกาสไปพูดคุยซักถามสารทุกข์สุกดิบกับชาวบ้านที่ทำงานในไร่
เวลาเย็นๆ ลลิณพานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไร่ และเก็บวัตถุดิบต่างๆไปประกอบอาหารเย็นเธอปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเก็บผัก ผลไม้อย่างอิสระและถือโอกาสไปพูดคุยซักถามสารทุกข์สุกดิบกับชาวบ้านที่ทำงานในไร่
“คุณลิณมาแล้ว สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คุณลิณมาถึงเมื่อไรค่ะ ได้อะไรใหม่ๆมาเยอะไหม ” เสียงร้องถามเซ็งแซ่ไปหมด จอมทัพสะดุ้งเฮือก
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว
“
สวัสดีค่ะ ทุกๆคนเป็นอย่างไรกันบ้าง มีอะไรใหม่ๆ มาฝากทุกคนเยอะเลยจ้า เราค่อยประชุมวางแผนกันนะ เห็นป้าน้อมบอกว่าเรามีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม
วันนี้มาไหมคะ ลิณอยากรู้จักจะได้สอบถามด้วยว่าขาดเหลืออะไรไหม
”
“
อยู่ทางแปลงผักกาดหอมโน่นแหนะจ้าหนูลิณ ”
“ เครจ้า
เดี๋ยวลิณเดินไปหาเขาเอง ” หญิงสาวเดินไปหาสมาชิกใหม่ ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวเดินใกล้เข้ามา
ใจเขาเต้นรัวอย่างกับตีกลอง เธอจะจำเขาได้ไหมนะ
จะทำไงดีล่ะ
“ สวัสดีจ้า เป็นไงบ้าง งานหนักไปไหน เห็นว่ามาจากกรุงเทพฯ ”
ยิ่งได้ยินเสียงหญิงสาวใจยิ่งสั่นระรัวกว่าเดิม
“
สะสะหวัดดีครับ ทำได้ครับ ”
“ ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้น
ไม่สบายรึเปล่า ” หญิงสาวเดินเข้าไปหา และก้มมองหน้าชายหนุ่มใกล้ๆ
“ คุณจอมทัพ ”
หญิงสาว ร้องทัก “ ทำไมไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนฉันล่ะคะแล้วทำไมหน้าซีดจัง
ไม่สบายหรือเปล่า ” ชายหนุ่มไม่ทันตอบก็เป็นลมล้มพับไป
หญิงสาวรีบเข้าไปพยุงเขาไปนั่งพักในร่มพร้อมกับเรียกคนงานมาช่วยนำเขาไปที่รถ เธอพาเขาไปส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ ยิ่งร่างกายอ่อนแอยิ่งทำให้อาการหนักมากขึ้น ชายหนุ่มนอนไม่รู้สึกตัวไปหนึ่งคืนเต็มๆ ประกอบกับหมอให้ยานอนหลับเพื่อให้เขาได้พักผ่อนด้วย
เมื่อตื่นขึ้นมาเขามองเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่บนโซฟา เขาต้องการเข้าห้องน้ำ แต่เกรงใจเธอจึงไม่ปลุก
พอเขาออกจากห้องน้ำ เธอก็ตื่นแล้ว
“ ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ ถ้าเป็นไรไปในห้องน้ำฉันจะรู้สึกบาปแน่เลย ”
หญิงสาวลุกไปประคองเขามาที่เตียง
“
ขอบคุณครับ ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ ”
“ ทำไมคุณไม่บอกทุกคนว่าเป็นเพื่อนกับฉันล่ะคะ
”
“
ผมไม่อยากให้ทุกคนลำบากใจนะครับ และผมอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่า ผมจะอยู่ได้ไหม
ถ้าไม่มีเงิน ”
“ แต่ตอนนี้คุณต้องฟังและปฏิบัติตามฉัน
คุณต้องย้ายออกมาจากวัดมาพักที่บ้านของฉัน
รักษาตัวจนหายขาดก่อน
คุณได้ทำงานต่อแน่ๆ
รับรองเลยว่าฉันจะใช้งานคุณให้พอกับที่คุณพักแน่นนอน ”
ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้านของหญิงสาว
เมื่อออกจากโรงพยาบาล ลลิณให้เหตุผลกับทุกคนว่า
ทุกคนที่ทำงานกับเธอเปรียบเสมือนญาติ เมื่อไม่สบายต้องดูแลกัน และเพื่อง่ายต่อการดูแลจึงจำเป็นต้องให้ชายหนุ่มย้ายมาพักที่บ้าน
เมื่อชายหนุ่มทำตามที่เธอบอก
เขาก็ขอร้องเธอว่าอย่าบอกทุกคนว่าเขาเป็นใคร ให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงคนงานคนหนึ่ง
เพื่อไม่ให้ใครใครหาเธอได้
หญิงสาวยินยอมและดูแลเขาอย่างดีจนเขาหายเป็นปรกติดี จากความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้น
ปากหม้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น